03
Dec
จอร์แดน
เพตรา: ศิลปะโบราณที่เล่าผ่านวิหารหิน
นครเพตรา (Petra) เป็นเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงของประเทศจอร์แดน ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1985 และเป็นหนึ่งใน "สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ของโลก" ที่ได้รับเลือกในปี ค.ศ. 2007 เพตราเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโบราณและ สะท้อนถึงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของชาวนาบาเทียน (Nabateans) ที่ฝากไว้ในวิหารหินและโครงสร้างต่าง ๆ
ต้นกำเนิดศิลปะของนครเพตรา
ศิลปะของเพตราเกิดขึ้นจากการผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลายที่ผ่านเข้ามาในอาณาจักรนาบาเทียน ตั้งแต่ศิลปะกรีก-โรมัน ไปจนถึงศิลปะตะวันออกกลาง ลวดลายการแกะสลักบนหินทรายและสถาปัตยกรรมในเพตราจึงสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้
ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้ง: เมืองมาอาน (Ma'an Governorate), จอร์แดน
ชื่อในภาษาอาหรับ: อัลบัตรา (البتراء)
คำว่า "เพตรา": มาจากภาษากรีก แปลว่า "หิน" ซึ่งสะท้อนถึงความพิเศษของเมืองที่แกะสลักจากหน้าผาหินทราย
ประวัติศาสตร์ของนครเพตรา
ยุคเริ่มต้น
เพตราเริ่มต้นจากการเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่านาบาเทียน (Nabateans) ซึ่งเป็นชนเผ่าอาหรับกึ่งเร่ร่อนในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช
ชนเผ่านาบาเทียนได้พัฒนาเพตราให้เป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญ เนื่องจากตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดง
ความรุ่งเรือง
ในช่วงศตวรรษที่ 1-2 เพตรากลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งและมีความสำคัญทางการค้า ชนเผ่านาบาเทียนสร้างระบบชลประทานที่ซับซ้อน เช่น เขื่อน ท่อส่งน้ำ และอ่างเก็บน้ำ
สถาปัตยกรรมสำคัญหลายแห่ง เช่น วิหารอัลคาซเนห์ (Al-Khazneh) และ โรงละคร แสดงถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมกรีกและโรมัน
การล่มสลาย
ในปี ค.ศ. 106 อาณาจักรนาบาเทียนถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิโรมัน ทำให้เพตราค่อย ๆ เสื่อมถอย
การเปลี่ยนเส้นทางการค้าทางทะเล และแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 4 ทำให้เพตราสูญเสียความสำคัญและถูกทิ้งร้างในที่สุด
การค้นพบในยุคใหม่
ในปี ค.ศ. 1812 นักสำรวจชาวสวิสชื่อ โยฮันน์ ลุดวิก บูร์คฮาร์ต (Johann Ludwig Burckhardt) ได้ค้นพบเพตราขึ้นอีกครั้งและเผยแพร่ให้โลกรู้จัก
วิหารอัลคาซเนห์ (Al-Khazneh): อัญมณีแห่งเพตรา
หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเพตราคือ อัลคาซเนห์ หรือที่รู้จักในชื่อ "The Treasury"
• การแกะสลักหินทราย: โครงสร้างนี้แกะสลักโดยตรงจากหน้าผาหินทรายสีชมพู มีรายละเอียดประณีตที่สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะเฮลเลนิสติก
• การใช้งาน: เชื่อว่าอัลคาซเนห์เคยเป็นสุสานหรือสถานที่เก็บสมบัติ แม้ความลับของการใช้งานยังคงไม่กระจ่างทั้งหมด
• ความสูง: วิหารนี้สูงถึง 39.1 เมตร สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และความสามารถในการแกะสลักหินที่ซับซ้อน
โครงสร้างอื่นที่สะท้อนศิลปะโบราณ
1. วิหารอัดเดย์ร์ (Ad-Deir)
- ขนาดใหญ่กว่าหอคอยอัลคาซเนห์และตั้งอยู่บนพื้นที่สูง
- เชื่อว่าเคยใช้เป็นสถานที่ทางศาสนาหรือพิธีกรรมสำคัญ
2. โรงละคร (The Theatre)
- แกะสลักจากหินและรองรับผู้ชมได้ถึง 8,500 คน สะท้อนถึงการนำศิลปะกรีก-โรมันมาผสมผสาน
3. ถนนเสาโรมัน (Colonnaded Street)
- เส้นทางที่ล้อมรอบด้วยเสาสไตล์โรมันที่สะท้อนถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมในช่วงที่เพตราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน
4. สุสานราชวงศ์ (Royal Tombs)
- กลุ่มสุสานหินที่ตกแต่งด้วยลวดลายซับซ้อน บ่งบอกถึงความสำคัญของศิลปะในการแสดงสถานะทางสังคม
ความสำคัญของศิลปะในเพตรา
• ศิลปะเพื่อการแสดงสถานะ: ชาวนาบาเทียนใช้ศิลปะในการแสดงถึงอำนาจและความมั่งคั่ง
• สัญลักษณ์ทางศาสนา: ลวดลายบนวิหารหลายแห่งมีความหมายเชิงศาสนาและพิธีกรรม
• การบันทึกประวัติศาสตร์: ศิลปะในเพตราเป็นหลักฐานของอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองและความสัมพันธ์ระหว่างชนเผ่าในยุคนั้น
เพตราในยุคปัจจุบัน
เพตรายังคงเป็นแรงบันดาลใจทางศิลปะและประวัติศาสตร์ให้แก่นักเดินทางและนักวิจัยทั่วโลก การไปเยือนที่นี่ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ แต่ยังเป็นการเรียนรู้ถึงความสำคัญของศิลปะและวัฒนธรรมที่อยู่คู่มนุษย์มานับพันปี
เพตราจึงไม่ใช่แค่ "เมืองแห่งหิน" แต่เป็น "ศิลปะที่เล่าเรื่อง" และยังคงตราตรึงในใจของผู้มาเยือนทุกคน