อาโอกิกาฮาระ ป่าฆ่าตัวตายแห่งญี่ปุ่น
หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในญี่ปุ่น "ป่าอาโอกิกาฮาระ" (Aokigahara) คือหนึ่งในจุดหมายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และปริศนา ตั้งอยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดยามานาชิ ป่าแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ป่าทะเลต้นไม้" (Sea of Trees) เนื่องจากทิวทัศน์ของต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่ปกคลุมหนาแน่นจนดูราวกับเป็นมหาสมุทรสีเขียว
แม้จะมีชื่อเสียงในแง่ที่ลึกลับ แต่ป่าอาโอกิกาฮาระยังเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักเดินป่าและผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ด้วยเส้นทางธรรมชาติที่เงียบสงบและความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ภูเขาไฟ
ข้อมูลทั่วไปของป่าอาโอกิกาฮาระ (Aokigahara Forest)
ป่าอาโอกิกาฮาระ หรือที่รู้จักในชื่อ "ป่าทะเลต้นไม้" (Sea of Trees) ตั้งอยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นพื้นที่ป่าที่เกิดขึ้นจากลาวาของภูเขาไฟฟูจิที่ปะทุครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อน การแข็งตัวของลาวาส่งผลให้เกิดพื้นดินที่เต็มไปด้วยธาตุอาหาร ซึ่งเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของพืชพรรณ ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นป่าที่หนาแน่นและสมบูรณ์ ภายในป่าแห่งนี้แม้ในช่วงกิโลแรกๆ ไม่ไกลจากถนนนักจะยังดูเป็นป่าโปร่ง ร่มรื่นสบายตา แต่ถ้าหากเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในทางที่มุ่งหน้าไปภูเขาไฟฟูจิแล้ว จะเริ่มพบกับป่าที่ดูดึกดำบรรพ์ รกทึบขึ้นเรื่อยๆ จนแทบไม่เจอสิ่งมีชีวิตอื่นใดเลย ด้วยต้นไม้ที่แน่นหนาและโครงสร้างของดินลาวา เสียงภายนอกแทบจะไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาในป่าได้ ความเงียบสงบนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง
ในแต่ละปี เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตในป่าอาโอกิกาฮาระจำนวนไม่น้อย โดยเฉลี่ยแล้วมีทั้งผู้ที่สามารถระบุตัวตนได้และไม่ได้ รวมกว่า 30 รายต่อปี จากข้อมูลในอดีต ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 มีการค้นพบศพในพื้นที่นี้มากถึง 500 ศพ อย่างไรก็ตาม หลังปี 2010 ทางการได้ตัดสินใจยุติการเผยแพร่สถิติเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการเชื่อมโยงป่ากับการฆ่าตัวตาย และป้องกันไม่ให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นจุดดึงดูดสำหรับผู้ที่คิดสั้น มาตรการเชิงป้องกันถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เช่น การติดตั้งป้ายเตือนในภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษบริเวณปากทางเข้าป่า โดยมีข้อความกระตุ้นให้ผู้ที่กำลังทุกข์ใจทบทวนและเปลี่ยนความคิด นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งแถบสัญลักษณ์ตามต้นไม้เพื่อช่วยนำทางผู้ที่เปลี่ยนใจให้สามารถออกจากป่าได้ง่ายขึ้น รวมถึงการฝึกอบรมอาสาสมัครเพื่อให้พวกเขามีทักษะในการพูดคุยและช่วยเหลือผู้ที่มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย ตำรวจและอาสาสมัครยังคงลาดตระเวนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมติดตั้งป้ายบอกหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต
ในกรณีที่อาสาสมัครพบร่างผู้เสียชีวิต พวกเขาจะติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการเก็บกู้ศพต่อไป แต่หากพบผู้ที่กำลังคิดสั้นหรือยังไม่เสียชีวิต อาสาสมัครจะรีบให้ความช่วยเหลือทันที ทั้งนี้ การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของทางการญี่ปุ่นและหน่วยงานท้องถิ่นในการแก้ปัญหาและลดจำนวนผู้เสียชีวิตในพื้นที่แห่งนี้อย่างจริงจัง
ป่าลึกลับและเรื่องเล่าที่เป็นตำนาน
อาโอกิกาฮาระไม่ได้มีเพียงเสน่ห์ของธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีชื่อเสียงในแง่ของความลึกลับและตำนานเล่าขานมาตั้งแต่โบราณ บ้างว่าเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวิญญาณและความลี้ลับ ความหนาแน่นของป่าอาจทำให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่หลงทางได้ง่าย จนกลายเป็นฉากที่ถูกเล่าในวรรณกรรมและภาพยนตร์หลายเรื่อง อย่างเช่น หนังสยองขวัญเรื่อง Suicide Forest Village ป่า..ผีดุ , The Sea of Tree (2015), The Forest (2016) และวรรณกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้กับป่าอาโอกิกาฮาระ เช่น Tower of Wave (2016) เขียนโดย Seichō Matsumoto
นอกจากวิญญาณของคนที่ต้องการปลิดชีวิตตนเอง ป่าแห่งนี้ยังเชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณรูปแบบอื่นด้วย เช่น เท็งกุ (Tengu) เทพเจ้าที่มีปีกคล้ายนก หรือบ้างก็ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายคนบินได้ มีกำลังแข็งแกร่ง และยังมีอีกมีความเชื่อกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้ว ว่าป่าแห่งนี้เป็นที่สิงสถิตย์ของเหล่าภูตผี โดยเชื่อว่า ป่าแห่งนี้มีวิญญาณต้นไม้ หรือ โคดามะ (木魂) สิงสถิตย์อยู่ เหล่าวิญญาณของต้นไม้จะดูดเอาพลังงานชีวิตจากผู้เสียชีวิตกลับคืนเป็นพลังแห่งป่า อีกทั้งยังมีนักเดินป่าบางคนเล่าว่า ในขณะที่พวกเขาเดินสำรวจธรรมชาติภายในอาโอกิกาฮาระ ท่ามกลางความเงียบสงัดกลับได้ยิน "เสียงกระซิบ" ลึกลับ คล้ายกับเสียงพูดคุยของคนที่มองไม่เห็น บ้างกล่าวว่านั่นอาจเป็นเสียงของวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปสู่สุขคติ บ้างเชื่อว่าเป็นเพียงเสียงลมที่ลอดผ่านกิ่งไม้ แต่เสียงกระซิบเหล่านี้มักทำให้หลายคนรู้สึกหวาดกลัว
สถานที่ท่องเที่ยวในป่าอาโอกิกาฮาระ
แม้ป่าอาโอกิกาฮาระจะมีชื่อเสียงในเรื่องความลึกลับ แต่บริเวณรอบๆ ป่าแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรม
ถ้ำน้ำแข็งที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้มีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี อากาศภายในเย็นจัด แม้ในฤดูร้อน การเดินสำรวจภายในถ้ำเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น และยังได้เห็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาหลายพันปี
เป็นทางไหลของลาวาที่ใหญ่ที่สุดในป่า ผนังส่วนใหญ่เกิดจากหินบะซอลต์ และมีอากาศไหลเวียนภายในเพียงพอต่อการเดินเที่ยว
หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบทั้งห้าของฟูจิ ที่นี่มีบ่อน้ำใสบริสุทธิ์ซึ่งเกิดจากน้ำที่ละลายจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิ และมีร้านค้าเล็กๆ ที่จำหน่ายของฝากพื้นเมือง รวมถึงอาหารญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์
สวนดอกไม้ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและถ่ายรูป โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง และในฤดูใบไม้ร่วงที่มีทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิพร้อมใบไม้เปลี่ยนสี
ป่าอาโอกิกาฮาระเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติและความลึกลับที่น่าค้นหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าที่แฝงไปด้วยความเชื่อ ความกลัว หรือความหวัง เรื่องราวเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงความซับซ้อนของพื้นที่แห่งนี้และความหลากหลายของมุมมองที่ผู้คนมีต่ออาโอกิกาฮาระ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักสำรวจธรรมชาติหรือผู้ที่ชื่นชอบเรื่องเล่าลึกลับ ป่าแห่งนี้จะยังคงดึงดูดใจและสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม