30
Nov
นอร์เวย์
ทริปนอร์เวย์ เยี่ยมเมืองหนาว ราวเทพนิยาย
หากใครชอบไปเที่ยวยุโรปแล้วอยากได้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ที่เมืองในเทพนิยาย มีบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และธรรมชาติอันแสนสดใส นอร์เวย์เป็นประเทศที่คุณไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามตลอดทั้งปี
เกาะโลโฟเทน (Lofoten Island)
เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ เหนืออาร์กติกเซอร์เคิล เกาะเหล่านี้มีชื่อเสียงในด้านภูมิทัศน์ ความงามตามธรรมชาติ หมู่บ้านชาวประมงที่มีเสน่ห์ และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างเช่น การตกปลา ในอดีต หมู่เกาะโลโฟเทนเคยเป็นศูนย์กลางของการตกปลา โดยเฉพาะปลาค็อด ฤดูตกปลาคอดประจำปีที่เรียกว่า "การประมงโลโฟเทน" ดึงดูดชาวประมงจากทั่วโลกซ.
พระราชวังหลวง (Royal Palace)
มีอายุเกือบ 200 ปี เป็นที่ประทับของพระราชา พระราชินี และราชวงศ์ ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของถนนคาร์ล โยฮันส์ เกต (Karl Johans Gate) กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1824 เสร็จสมบูรณ์วันที่ 26 เดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ.1849 ระยะเวลา 25 ปี ถือเป็นสมบัติของรัฐและเป็นที่ทำงานของพระมหากษัตริย์ รวมถึงเป็นที่ประทับของราชวงศ์ต่างๆ จะเปิดให้เข้าไปเดินชมบรรยากาศภายในเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น
อุทยานฟรอกเนอร์ (FROGNER SCULPTURE PARK)
อุทยานฟรอกเนอร์ เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะประติมากรรม การแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และการหล่อรูปคนด้วยสำริดและทองแดง ผลงานทั้งหมดเป็นของ ‘กุสตาฟ วิคเกอร์แลนด์ ‘ ปฏิมากรชื่อดัง ซึ่งที่นี่มีปฎิมากรรมมากกว่า 200 ชิ้นให้ได้ชม โดยผลงานชิ้นเอกเป็นเสากลางอุทยานซึ่งมีควมสูงถึง 17 เมตร ชื่อ Monolitten รอบเสาแกะสลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัฎจักรชีวิตมนุษย์ ลักษณะของเสาโมโนลิท เป็นรูปคนจำนวนมากมายปีนป่ายกันอยู่บนเสาใช้เวลาสร้างรวม 22 ปี จากหินแกรนิตเพียงแท่งเดียว และยังมีรูปหล่อสำริด ชื่อ Angry Littleboy อันโด่งดัง
ท่าเรือเอเคอร์บรูค (Aker Brygge)
เมืองออสโล ในอดีตกว่าร้อยปีมาแล้ว เคยเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์ ปัจจุบันเป็นแหล่งรวมความบันเทิงยอดนิยมที่ครบครัน รวมทั้งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวไฮโซออสโล มีบ้านเรือนหรู และร้านค้าทันสมัยมากมาย เป็นแหล่งรวมความบันเทิงยามราตรี มีผับ บาร์ ร้านอาหารเก๋ๆ คาเฟ่มากมาย
ก้อนหินคั่นกลางเขา (Kjeragbolten)
ก้อนหินคั่นกลางเขา หรือ ก้อนหินลอยฟ้า เป็นภูเขาในเขตเมืองโรกาแลนด์ (Rogaland) ประเทศนอร์เวย์ ตั้งอยู่บนความสูง 1,110 เมตร บนชายฝั่งทางใต้ของ Lysefjorden ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน Lysebotn ด้านเหนือเป็นหน้าผาขนาดใหญ่ความสูงถึง 984 เมตร โดยก้อนหินมีขนาดประมาณ 5x 5×5 เมตร ซึ่งเป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักผจญภับผู้รักความท้าทายจากทั่วโลกอยากมาพิชิตให้ได้ ด้วยลักษณะที่น่าหวาดเสียว เหมือนก้อนหินที่หล่นลงมาขั้นกลางหน้าผา 2 ฝั่ง เป็นหินที่แทรกระหว่างสองหินตั้งอยู่บนภูเขา Kjeragfossen
โทรลส์ทุงกา (Trolltunga)
Trolltunga เป็นภาษานอร์เวย์ แปลว่า “ลิ้นของโทรลล์” (Troll’s Tongue) ตามลักษณะที่เป็นแผ่นหินบางชี้ยื่นออกมาจากผา ที่ความสูง 2,300 ฟุต (700 เมตร) เหนือทะเลสาบ Ringedalsvatnet ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Sørfjorden Fjord ในเมือง Odda มณฑล Hardanger ทางตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ บนยอดผา นักเดินทางจะได้ชื่นชมทิวทัศน์ของภูมิประเทศแบบเฉพาะที่เรียกกันว่า ฟยอร์ด (Fjord) ซึ่งมีลักษณะเป็นหุบเขาเว้าแหว่งบริเวณปากอ่าว ที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายเมื่อกว่าหมื่นปีก่อน
โรงอุปรากรออสโล (Oslo Opera House)
เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในนอร์เวย์ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 14 เป็นที่ตั้งของคณะอุปรากรและบัลเล่ต์ระดับชาติ อาคารรูปทรงเลขาคณิตที่สร้างจากกระจกและหินอ่อนขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์น มีดีไซน์อันสะดุดตา ออกแบบให้ดูเหมือนธารน้ำแข็งยักษ์โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และมีสะพานที่ลาดเอียงสีขาวโพลน
ทรอมโซ(Tromso)
เมืองทรอมโซ ประเทศนอร์เวย์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง บรรยากาศเงียบสงบ เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมล้อมรอบภูเขา อากาศหนาวมาก อาคารบ้านเรือน เน้นเป็นบ้านเก่าสุดคลาสสิก มีประชากรราว 75,000 คนอาศัยอยู่ รวมถึงยังเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัยที่อยู่เหนือสุดของโลก โดดเด่นเรื่องงานวิจัยแสงเหนือโดยเฉพาะ
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord)
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด เป็นฟยอร์ดที่มีความยาวประมาณ 15 กิโลเมตร และยังเป็นหนึ่งในฟยอร์ดที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ นอกจากนี้แล้ว ไกแรงเกอร์ฟยอร์ดยังได้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกร่วมกับนาเรยฟยอร์ด (Nærøyfjord) ในปี 2005
จุดชมวิวดาล์สนิบบา (Dalsnibba)
เป็นจุดสำหรับชมฟยอร์ดที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,500 เมตร นับได้ว่าเป็นจุดชมวิวฟยอร์ดที่สูงที่สุดในยุโรป ที่นี่มีทั้งทางเดินลัดเลาะตามไหล่เขาเพื่อชมวิวในมุมต่างๆ และทางเดินแบบ Sky Walker ให้ได้ลองวัดใจกันดู ซึ่งการขึ้นไปยังจุดชมวิวดาล์สนิบบา (Dalsnibba) นี้ก็แสนสะดวกสบายเพราะขับรถขึ้นไปได้เลย โดยเสียค่าธรรมเนียม 130 NOK ต่อรถ 1 คัน และถ้าไปในช่วงฤดูหนาวก็จะได้ชมเทือกเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน แต่ถ้าหากไปช่วงฤดูร้อนนอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศของพระอาทิตย์เที่ยงคืนแล้ว ยังสามารถชมวิวฟยอร์ดได้อย่างเต็มตาด้วย