ย้อนรอยประวัติศาตร์ 10 เมืองโบราณที่ต้องไปเยือนของจีน

มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี เดิมทีสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญบนถนน Tea Horse โบราณที่เชื่อมที่ราบสูงทิเบตกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตำแหน่งทางยุทธศาสตร์เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนสินค้า ความคิด และวัฒนธรรมระหว่างภูมิภาคต่างๆ ทำให้ลี่เจียงกลายเป็นแหล่งหลอมรวมของอิทธิพลที่หลากหลาย ชนกลุ่มน้อย หน่าซี ซึ่งมีวัฒนธรรมและภาษา ตงปา (Dongba) ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นชาวเมืองที่โดดเด่นมาช้านาน

เป็นหมู่บ้านอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของมหานครฉงชิ่ง ลักษณะก็คล้ายๆ กับตลาดเก่า หรือตลาดโบราณบ้านเรานั่นเอง คนที่อยากไปย้อนเวลากลับไปในอดีตก็ต้องไปเยือน เมืองโบราณสือชี่โข่ว เพราะที่นี่ยังคงรักษาวิถีชีวิตรวมทั้งสะท้อนรากเหง้าดั้งเดิมของเมืองไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่องที่มีรูปทรงโบราณ แหล่งผลิตสินค้าและอาหารพื้นเมืองที่สืบทอดกิจการต่อกันมาหลายรุ่น

เมืองต้าหลี่ หรือ เมืองต้าลี่ หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของจีน ติดเทือกเขาชางซานที่สูง 4,000 เมตร อีกด้านติดทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของจีน ต้าหลี่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรของชาวไป๋ในราวศตวรรษที่ 8-9 ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ในปี พ.ศ. 1480 – 1796 ซึ่งคนไทยก็มักเข้าใจว่าเป็นคนไทย เพราะนโยบายชาตินิยม และยังเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏชาวจีนมุสลิม (จีนฮ่อ)ระหว่างปี พ.ศ. 2399 – 2406 ต้าหลี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิตหินอ่อนหลากหลายชนิด ซึ่งนำไปใช้ในการก่อสร้างและประดับตกแต่งอาคาร

แชงกรีล่า หรือ เดิมมีชื่อว่า เมืองจงเตี้ยน อยู่ห่างจากลี่เจียง 200 กิโลเมตร เป็นชุมชนเก่าของชาวทิเบต ชาวบ้านเรียกเกลทัง แต่การท่องเที่ยวของจีนอุปโลกให้แชงกรีล่าเป็น “สวรรค์แห่งสุดท้ายบนพื้นพิภพ” ตามนวนิยายขายดีในปี 1933 “The Lost Horizon”ย่านเมืองเก่าอยู่ตอนใต้สุดของตัวเมือง รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกและเกสต์เฮาส์ ถนนดินกลายเป็นถนนปูด้วยหินกรวด ตอนเย็นจะมีการแสดงพื้นบ้านของชาวทิเบตที่จัตุรัสใหญ่ ด้านหลังเมืองเก่าจะมองเห็น กงล้อมนต์สีทอง สูง 23 เมตร ผู้คนนิยมไปหมุนวนเพื่อให้บทสวดนั้นกังวานไปถึงสรวงสวรรค์

เมืองเฟิ่งหวงในจังหวัดหูหนานเป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่สวยที่สุดของจีน แปลว่า "หงส์" มีอายุเกือบ 300 ปี และมีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่สมบูรณ์ สะพานไม้เก่าแก่ที่ทอดข้ามแม่น้ำถัวเจียงและบ้านเรือนริมแม่น้ำเป็นภาพที่งดงาม เฟิ่งหวงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เช่น บ้านเกิดของนักเขียน Shen Congwen และพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวิถีชีวิตของชนเผ่าม้งและถู่เจีย เมืองนี้เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสวัฒนธรรมจีนโบราณ

ผิงเหยาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลซานซี และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,700 ปี ตัวเมืองได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 เนื่องจากมีการรักษาสถาปัตยกรรมและโครงสร้างเดิมของเมืองไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถนนสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนและวัดวาอารามที่สวยงาม เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง

โจวจวงเป็นเมืองน้ำที่ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู และเป็นที่รู้จักในฐานะ "เมืองน้ำแห่งแรกของจีน" เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี และเป็นที่รู้จักด้วยสะพานโค้งและบ้านเรือนริมแม่น้ำที่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือในแม่น้ำและชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน รวมถึงเยี่ยมชมวัดโบราณและพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ

หวงซาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ภูเขาเหลือง" ตั้งอยู่ในมณฑลอานฮุย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน ภูเขาหวงซานมีทิวทัศน์ที่งดงามของยอดเขาที่สูงตระหง่าน ทะเลหมอก และป่าต้นสนที่แปลกตา เมืองโบราณหวงซานยังมีหมู่บ้านโบราณอย่างฮงชุนและซีตี้ ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

หังโจวเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง และเป็นที่รู้จักในฐานะ "สวรรค์บนดิน" เนื่องจากมีทัศนียภาพที่งดงามของทะเลสาบซีหู เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,200 ปี และเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง หังโจวยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมาย เช่น วัดหลิงอิ่น สวนโบราณ และถนนโบราณเหอฝาง

ซูโจวเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี เมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านสวนสวยที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และคลองโบราณที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบคลองใหญ่ของจีน ซูโจวยังเป็นศูนย์กลางการผลิตผ้าไหมที่สำคัญ และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น สวนปฐมฤกษ์ สวนหลิงหลง และพิพิธภัณฑ์ผ้าไหมซูโจว